Moneygu

4 วิธีเช็คสถานะการเงินของคุณว่าโอเคอยู่ไหม

วิธีตรวจสอบสถานะการเงินของตัวเองว่าโอเคหรือเปล่า

การเงินเป็นปัจจัยสำคัญแรกของการใช้ชีวิตไม่ว่าจะทำอะไรเงินจะเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน หากไม่มีเงินแล้วอะไรที่ต้องการได้มาก็จะยากขึ้นเป็นหลายเท่าตัว วิธีหาเงินของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอาชีพที่ทำ ความถนัด ความสามารถพิเศษ และการวางแผนการเงิน ซึ่ง ต่อให้คุณรวยล้นฟ้าแต่ไม่รู้จักการวางแผนการเงิน หรือสักแต่ว่าจะใช้เงินไปเรื่อยๆ โดยไม่ดูว่าเงินในบัญชีเข้าออกเท่าไร เหลือเท่าไรแล้วละก็ เป็นเรื่องง่ายมากที่จะทำให้คุณเงินหมดโดยที่ไม่รู้ตัว วันนี้จึงอยากให้ทุกคนที่ได้อ่านลองเริ่มเช็คสถานการเงินของตัวเองดูง่ายๆ

เรามาตรวจสอบสถานะการเงินของคุณว่าตอนนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง บางคนก็มีการวางแผนในการใช้เงิน บางคนก็ใช้ไปเรื่อยๆ ได้มาก็เก็บบ้าง ใช้บ้าง หยิบยืมบ้าง แบบนี้เราคงต้องมาตรวจสุขภาพการเงินกันหน่อยว่าคุณๆ มีสถานการเงินเป็นอย่างไรกันบ้างด้วยวิธีการคราวๆ 4 วิธีง่ายๆ

4 วิธีสำรวจสถานะการเงินของตัวเองว่ากำลังเข้าสู่ขั้นวิกฤต

1. เงินในบัญชีเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ ไม่มีเงินเก็บ – ใช้แบบเดือนชนเดือนทุกเดือน ปัญหาคือไม่มีการวางแผนการเงิน ได้เงินจากเงินเดือนมาก็จะดูเพียงแค่นั้น แล้วถ้าหากจะใช้ก็จะกดatm ออกมา ใช้จ่าย ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่ใส่ที่จะแบ่งเงินไปเก็บอีกบัญชี หรือ จดรายรับรายจ่ายให้กับตัวเอง คิดแค่เพียงว่าเรามีเงินเดือนเข้าแล้วก็ใช้ตามนั้นไป แต่ถ้าสมมติเราได้เงินเดือนมาแล้วแบ่งไปเก็บออม หรือแบ่งไปลงทุน ก่อนที่จะกดไปใช้ แบบนี้ ต่อให้ยอดเงินลดลงเรื่อยๆ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็สร้างยอดเงินเก็บอีกบัญชีหนึ่ง หรือเริ่มเอาเงินไปลงทุนที่สร้างกำไรให้กับเราซึ่งเรียกว่าเป็นการต่อยอดและสร้างความอุ่นใจให้กับเรา

2. ขาดสภาพคล่องในการใช้เงิน – อยากใช้ก็ไม่ได้ใช้ หรือต้องเอาเงินกองนั้นมาใช้ก่อน – การขาดสภาพคล่องในการใช้เงินนั้นสามารถบอกถึงว่าเราไม่สามารถหมุนเงินในบัญชีเงินฝากของเราได้ หรือเงินหมดบัญชีนั้นเอง ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้มันก็แสดงให้เรารู้ว่าเราควรแก้ไขด้วยวิธีการประหยัดใช้เงิน วางแผนการเงินหรือว่า หาเงินเพิ่มด้วยอาชีพเสริม เพื่อให้เรามีเงินเพิ่มขึ้นโดยการไม่ไปสร้างหนี้ยืมสินอีก ซึ่งการวางแผนการเงินเป็นสิ่งสำคัญมากต่อการใช้เงิน

3. เริ่มผ่อนสิ่งของหลายอย่างโดยบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องผ่อน – หากคุณเริ่มรู้ตัวว่าผ่อนสิ่งนั้นสิ่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆแล้วละก็มันเป็นสัญญาอย่างหนึ่งที่แสดงให้คุณเห็นว่าคุณใช้เงินไม่ประมาณตนเอง การผ่อนสิ่งของไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่ต้องผ่อนแบบมีสติมีแบบแผนการผ่อนเช่น ผ่อน 0 เปอร์เซ็นต์ 10 เดือน แบบนี้ถือว่าโอเค แต่ถ้าซื้อของ 10 ชิ้นแล้ว ผ่อน สิบเดือน แบบนี้ก็ไม่โอเค เพราะจะเป็นหนี้สินจากหลายทาง แทนที่จะเคลียร์ให้หมดเป็นชิ้นๆไปดีกว่า เราจะได้แบ่งเอาเงินไปทำอย่างอื่น หรือแบ่งไปเก็บออมได้อีกด้วย
ซึ่งหากเรามัวแต่เงินมาผ่อนหนี้ เงินที่เราจะเก็บไว้กินไว้ใช้ในแต่ละเดือนก็จะน้อยลงไปด้วย เพราะฉะนั้นการผ่อน การซื้อของต้องซื้อแบบวางแผนการเงินด้วยจะส่งผลดีต่อวงเงินแต่ละเดือนของตัวคุณเอง

4. หนี้สินเริ่มเยอะขึ้นเป็นทวีคูณ ใช้บัตรเครดิตเป็นว่าเล่น – หนี้สินเริ่มเยอะใช้บัตรเครดิตบ่อยครั้ง แบบนี้แสดงให้เห็นว่าการเงินของคุณไม่สะดวกแบบที่ควรจะเป็นต้องมองถึงปัญหาหลักคืออะไร เป็นเพราะชอบสุรุยสุร่ายหรือไหม หรือเป็นคน อยากได้อะไรก็ซื้อ หรือเป็นสายเปย์ หรือรายได้เข้ามาน้อย แต่ใจใหญ่กว่ารายได้ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นตนเหตุที่ทำให้คุณเศรษฐกิจการเงินของคุณไม่ค่อยดี ถ้ารายได้น้อยแต่หารายได้เสริม ลดการจับจ่าย ประหยัดขึ้น ใช้จ่ายอย่างมีสติ จ่ายเท่าที่จำเป็น เปลี่ยนมายเซ็ทใหม่ แทนที่จะจ่ายก็เอาเงินไปเก็บ ไปลงทุน ไม่ว่าจะลงทุนกับตัวเองเช่น หาที่เรียนเพิ่มเติมความรู้นำไปรับจ้างต่อได้ หรือ ลงทุนในกองทุน หุ้น หรือสลากออมสิน ต่างๆ ซึ่งถ้าคุณทำได้แล้วปัญหาเรื่องการใช้เงินก็จะค่อยๆ คลีคลายไปนั้นเอง

ที่กล่าวมาทั้งสี่ข้อนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิธีการตรวจสอบสถานการเงินของคุณว่าเป็นอย่างไรบ้าง ลองตรวจสอบกันดูค่อยๆมองว่าตัวเองเป็นคนใช้เงินประเภทใด มีการวางแผนการเงินไหม แล้วหากมีปัญหาแล้วจะทำอย่างไร ค่อยๆมองให้เป็นภาพกว้างแล้วแก้ไปทีละเปราะ เปลี่ยนมายเซ็ทใหม่เปลี่ยนจากการจับจ่ายใช้สอย เป็นเก็บออมและลงทุนต่อยอดเงิน แล้วคุณจะมีชีวิตที่เปลี่ยนไป สร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับตัวคุณเองง่ายๆ